4 อาการรถดับกลางอากาศ

เมื่อรถดับกลางอากาศหรือขณะรอบเดินเบา จะมีแนวทางในการวิเคราะห์ได้หลายสาเหตุ แต่ต้นเหตุส่วนใหญ่มักจะมาจากระบบระบบน้ำมันเชื้อเพลิง, ระบบไอดี หรือระบบไฟชาร์จ

แต่เราสามารถจำแนกลักษณะอาการที่รถดับกลางอากาศได้ 4 ลักษณะดังต่อไปนี้

  1. ปัญหารถดับจากระบบไฟชาร์จ

ปัญหาจากระบบไฟชาร์จ เป็นหนึ่งในต้นเหตุที่พบได้บ่อยเมื่อรถกระตุกดับ โดยจะตรวจสอบง่ายๆจากสัญญาณไฟเตือนหน้าปัดรถเมื่อระบบไฟชาร์จมีปัญหา เช่น สัญญาณไฟเตือนแบตเตอรี่, สัญญาณไฟเตือนไฟชาร์จ, ไฟเตือนเครื่องยนต์ เป็นต้น รวมไปถึงเรายังสามารถตรวจสอบระบบไฟชาร์จได้ด้วยโวลต์มิเตอร์ ถ้าวัดไฟได้น้อยกว่า 12 โวลต์ หรือแอมป์มิเตอร์เมื่อวัดค่ากระแสได้น้อยๆ

โดยปัญหาไฟเตือนจากระบบไฟชาร์จนั้นอาจจะเกิดจากอุปรณ์/ชิ้นส่วนทางไฟฟ้าที่ทำงานผิดปกติเพียงตัวเดียวหรือหลายตัวก็เป็นได้เพราะสัญญาณไฟเตือนนี้กำลังบอกให้เรารู้ว่าระบบไฟชาร์จไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเพียงพอสำหรับแบตเตอรี่และวงจรไฟฟ้าอื่นๆให้ทำงานได้อย่างปกติ โดยสาเหตุส่วนใหญ่นั้นมักมาจากตัวไดชาร์จเองหรือไม่ก็ตัวควบคุมแรงดันไฟฟ้า (voltage regulator) เมื่อระบบชาร์จไฟของรถไม่สามารถทำงานได้ เรายังอาจจะขับรถต่อไปได้อีกประมาณ 30 นาที (โดยมีเงื่อนไขว่าแบตเตอรี่ต้องอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ดี) แต่เมื่อไฟหมดเกลี้ยงแบตเตอรี่ เราจะไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้อีก

ในรถบางรุ่น, ระบบไฟชาร์จอาจจะถูกควบคุมด้วย ECU รถ ดังนั้นกรณีนี้ระบบไฟชาร์จจะส่งสัญญาณเป็นโค๊ดแจ้งเตือนออกมา ซึ่งโค๊ดนี้จะช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาต่อไปได้ โดยใช้ตัวอ่าน OBD 2 ในการ download โค๊ดสัญญาณ อย่างไรก็ตาม ถ้าไฟเตือนเครื่องยนต์ไม่โชว์ แนวทางการวิเคราะห์ให้ตรวจเช็คอุปกรณ์ดังต่อไปนิ้

  • ตรวจสอบสภาพภายนอกตัวแบตเตอรี่ว่ามีความเสียหายหรือไม่
  • ตรวจสอบขั้วและสายไฟของแบตเตอรี่ ว่ามีสนิม/ขี้เกลือที่ขั้วแบต หรือสายหลุด/หลวมหรือไม่? เพราะล้วนส่งผลให้การชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ไม่สมบูรณ์ไม่เสถียร ถ้าสภาพขั้วและสายไฟไม่พบความผิดปกติ ก็อาจจะมีสาเหตุมาจากตัวแบตเตอรี่เองที่อาจจะเสียหรือเสื่อมสภาพไปแล้ว
  • ตรวจสอบสายพาน เพราะสายพานที่หลวมหรือสึกก็ส่งผลให้ไดชาร์จชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ไม่ดีเช่นกัน ให้ทำการตรวจสอบสภาพสายพาน ปรับตั้ง และตรวจสอบพูลเล่เพื่อให้ได้ศูนย์ (alignment)
  • ตรวจสอบวงจรไฟชาร์จ รวมถึงสายไฟ ขั้วต่อ ฟิวส์ และจุดเชื่อมต่ออื่นๆ
  • ทำการตรวจสอบการทำงานของตัวควบคุมแรงด้นไฟฟ้า (voltage regulator) และไดชาร์จ ว่าทำงานปกติหรือไม่
  1. เมื่อรถดับทั้งระบบไฟและเครื่องยนต์ขณะกำลังขับ

ถ้าคุณสังเกตพบว่าทุกๆครั้งที่ขับรถผ่านลูกระนาดหรือเมื่อเลี้ยวหักศอก จู่ๆระบบวิทยุ ไฟส่องสว่าง และเครื่องยนต์ก็จะดับไปเอง หลังจากนั้นไม่กี่นาที ทั้งเครื่องยนต์และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆก็จะกำลับมาทำงานได้อีกครั้ง ดูผิวเผินดูเหมือนน่าจะเป็นอาการเสียที่หนัก แต่แนวทางการซ่อมแก้ไขนั้นง่ายมากๆดังต่อไปนี้

  • ใส่เบรคมือ สตาร์ทเครื่องและรอจนรอบเดินเบา
  • เปิดฝากระโปรง
  • ขยับหรือกระดิกสายแบตเตอรี่ รวมถึงสายไฟเส้นเล็กที่ต่อกับตัวถังรถ (ถ้ามี)
  • สังเกตุการทำงานของเครื่องยนต์และระบบไฟ ถ้าเครื่องยนต์ดับและไฟหน้าดับทุกครั้งที่กระตุกหรือขยับสายไฟ แสดงว่ามีสาเหตุมาจากขั้วสายไฟที่หลุดหลวม หรือปัญหาจากสนิมรวมไปถึงขั้วสาย/สายไฟที่เสื่อมสภาพ ให้ทำการซ่อมหรือเปลี่ยนสาย/ขั้วสายใหม่

นอกจากสาเหตุจากตัวขั้วสาย/สายไฟแล้ว สาเหตุอื่นๆทีเป็นไปได้ เช่น

  • รูกุญแจสึกหรือเสื่อมสภาพ(เสีย) ถ้ามาจากสาเหตุนี้ ไฟหน้าจะยังคงติด
  • ฟิวส์ขาดหรือฟิวส์หลอมละลาย ถ้าเกิดจากสาเหตุนี้ ระบบไฟและอุปกรณ์อื่นๆจะยังคงทำงาน แต่อาจจะไม่สามารถสตาร์ทรถใหม่ได้
  1. เมื่อเครื่องดับหลังจากติดเครื่องไม่กี่นาที

หลังจากสตาร์ทรถและขับไปได้ไม่กี่นาทีเครื่องยนต์ก็ดับ และจะไม่สามารถสตาร์ทใหม่ได้จนกว่าเครื่องจะเย็น อีกทั้งเครื่องก็จะดับอีกครั้งหลังจากขับต่อไปได้อีกไม่กี่นาที ในขณะที่ระบบไฟ วิทยุและอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆยังคงทำงานได้ปกติ ถ้ามีอาการลักษณะแบบนี้ ต้องตรวจสอบอุปกรณ์ดังต่อไปนี้

  • ตรวจเช็คการทำงานของคอยล์จุดระเบิด
  • ตรวจเช็คการทำงานของโมดูลจุดระเบิด
  • ตรวจเช็คการทำงานของเซ็นเซอร์ตรวจจับตำแหน่ง crankshaft (CKP sensor)
  • ตรวจเช็คการทำงานของมอเตอร์ปั๊มติ๊ก

เพราะสาเหตุอาจเกิดจากคอยล์จุดระเบิด และชิ้นส่วนอิเล็กโทรนิกส์ในโมดูลจุดระเบิดหรือมอเตอร์เกิดการ open circuit ซึ่งระบบไม่แสดงอาการใดๆจนกว่าชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์นั้นๆจะเริ่มทำงานและมีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ขดลวดข้างในเกิดการขยายตัว(ด้วยความร้อน)และทำให้วงจร open circuit ในส่วนของขั้นตอนการทดสอบว่าเซ็นเซอร์ crankshaft หรือคอยล์จุดระเบิดมีการ open circuit หรือไม่ มีดังนี้

1) ถ้าสามารถถอดเซ็นเซอร์หรือคอยล์จุดระเบิดออกจากรถได้ ควรถอดออกมาก่อน

2) วัดค่าความต้านทาน(R)ของเซ็นเซอร์ หรือค่าความต้านทานของคอยล์จุดระเบิดหลักและคอยล์จุดระเบิดรอง

3) เปรียบเทียบค่าที่วัดได้กับใน spec ตามคู่มือรถ

4) ใช้เครื่องเป่าลมร้อนหรือไดร์เป่าผมเป่าด้วยระดับความร้อนปานกลาง

5) ทำการวัดค่าความต้านทานตามข้อ 2 อีกครั้ง

6) ถ้าค่าที่วัดได้ต่างจากค่าในคู่มือ หรืออ่านค่าได้เป็นเป็นอนันต์ (¥) ให้ทำการเปลี่ยนเซ็นเซอร์หรือคอยล์จุดระเบิดใหม่

 

  1. เมื่อเครื่องดับขณะกำลังจะหยุดรถ

ถ้ารถกระตุกเมื่อใกล้จะหยุดรถหรือเมื่อรอบเดินเบา ถือเป็นสัญญาณบอกว่าโซเลนอยด์ควบคุมปริมาณอากาศ (IAC) มีปัญหา เพราะโดยปกติ ECUรถจะสั่งการโซเลนอย์ IAC เพื่อควบคุมวาล์วลิ้นผีเสื้อในการควบคุมปริมาณอากาศเข้าสู่เครื่องยนต์ให้สอดคล้องกับสภาวะการทำงานของเครื่องยนต์ โดยสาเหตุส่วนใหญ่ของปัญหาที่พบจะเป็นการอุดตันในช่องทางเดินของอากาศ และตัววาว์ล IAC เอง ที่มีคราบสกปรกจากตะกอนน้ำมันที่สะสม ส่งผลให้อากาศไม่สามารถไหลผ่านได้ ผลก็คือเครื่องยนต์กระตุกดับเมื่อใกล้จะหยุดรถหรือเมื่อรอบเดินเบา ส่วนการตรวจสอบว่าช่องทางเดินอากาศมีการอุดตันมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

  • ตำแหน่งของโซเลนอย์ IAC จะอยู่แถวๆวาล์วลิ้นผีเสื้อ
  • ถอดปลั๊กโซเลนอยด์ IAC ออกจากขั้วต่อ
  • ถอดโซเลนอยด์จากตัวเรือนวาล์ว
  • ตรวจสอบช่องทางเดินอากาศว่ามีคราบเขม่าน้ำมันหรือไม่ และทำความสะอาด

นอกจากการIACอุดตันแล้ว ปัญหาจากตัวมอเตอร์ IAC เสียเองก็มีทางเป็นไปได้เช่นกัน โดยมีแนวทางทดสอบดังนี้

  •  ถอดโซเลนอยด์ IAC ออกจากตัววาว์ลลิ้นปีกผีเสื้อ
  • ต่อโซเลนอย์กับแบตเตอรี่รถโดยใช้สาย jumper
  • ถ้าโซเลนอยด์ไม่มีการตอบสนองใดๆ ให้ทำการเปลี่ยนตัวใหม่

หมายเหตุ : นอกจากนี้ IAC มอเตอร์ยังสาสามารถเช็คได้ด้วย โอห์มมิเตอร์ (ถ้าจะเช็คให้ตรวจสอบกับคู่มือรถอีกครี้ง)

Advertisement
This entry was posted in การดูแลรถ, การใช้งานรถ, อื่นๆ and tagged . Bookmark the permalink.

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s